ตอบโจทย์ยืน 1 MOU ครบวงจร บริการจัดทำเอกสารแรงงานต่างด้าว

ตอบโจทย์ยืน 1 MOU ครบวงจร บริการจัดทำเอกสารแรงงานต่างด้าว

บริการจัดทำเอกสารแรงงานต่างด้าว

ตรวจตราลงวีซ่า ต่อใบอนุญาตทำงาน MOU นำเข้าแรงงาน ปรึกษาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ GMGMOU ✨

📮ติดต่อเรา
บริษัท นำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ จี.เอ็ม.จี.กรุ๊ฟ จำกัด
ใบอนุญาตเลขที่ บจ.0154/2561

☎️Phone : 034-112568 สำนักงานใหญ่
~ 083-1310264 (คุณเปิ้ล)
~ 084-0999824 (คุณเต้)
~ 082-4255553
กด0 ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์
กด1 ต่ออายุแรงงาน
กด2 ฝ่ายMOU
กด3 ฝ่ายแจ้งเข้า-แจ้งออก
กด4 ฝ่ายบัญชี
กด5 ฝ่ายกฎหมาย
📱 Facebook: m.me/111810180274456
💚 Line: @MOUTHAI
💌 clmv@gmgmou.com

เห็นชอบเปิด ศูนย์เก็บข้อมูลแรงงาน ชั่วคราวทางการเมียนมา ที่ สมุทรสาคร

เห็นชอบเปิด ศูนย์เก็บข้อมูลแรงงาน ชั่วคราวทางการเมียนมา ที่ สมุทรสาคร

เห็นชอบเปิด ศูนย์เก็บข้อมูลแรงงาน ชั่วคราวทางการเมียนมา ที่ สมุทรสาคร

วันที่ 3 ธันวาคม 2561 เวลา 10.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน (กนร.) ครั้งที่ 2/2561 ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยมี พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน  นางเพชรรัตน์ สินอวย  อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมประชุม อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  เป็นต้น

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน (กนร.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบให้จัดตั้งศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราวของทางการเมียนมา ณ บริเวณตลาดทะเลไทย เพื่อจัดเก็บข้อมูลเฉพาะแรงงานเมียนมา ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 แรงงานเมียนมาที่ต้องการเปลี่ยนเอกสารประจำตัวเป็นหนังสือเดินทาง (กลุ่มที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติหรือจัดทำทะเบียนประวัติในประเทศไทยที่ถือหนังสือเดินทาง (Passport) หนังสือเดินทางชั่วคราว (Temporary Passport : TP) และเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI)) โดยทางการเมียนมาใช้คำว่า กลุ่มคน Function A และกลุ่มที่ 2 แรงงานเมียนมา ตาม MOU ที่ต้องการจัดทำเป็นหนังสือเดินทางฉบับใหม่ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนให้กับแรงงานเมียนมาที่ประสงค์จะกลับเข้ามาทำงานตาม MOU เมื่อวาระการจ้างงานครบ ๔ ปี แล้วโดยทางการเมียนมา ใช้คำว่ากลุ่มคน Function B โดยกลุ่มคนทั้งสองกลุ่มจะต้องยื่นเอกสารตามที่ทางการเมียนมากำหนด เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้ว จึงจะสามารถขอรับหนังสือเดินทางได้ที่สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทยหรือ ศูนย์ออกหนังสือเดินทางบริเวณชายแดนแม่สาย – ท่าขี้เหล็ก, แม่สอด – เมียวดี และระนอง – เกาะสอง  โดยวัตถุประสงค์ของศูนย์ฯคือ การเก็บข้อมูลของแรงงานเมียนมาที่ขอหนังสือเดินทาง ซึ่งจะเปิดดำเนินการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 1 ปี เปิดทำงานวันจันทร์ – วันเสาร์ เว้นวันอาทิตย์ และวันหยุดราชการไทยกำหนด ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. หรือจนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ และจะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอื่นใดทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาความเหมาะสมของประเทศต้นทางเพื่อกำหนดให้คนต่างด้าวที่มีสัญชาติของประเทศต้นทางเข้ามาทำงานกรรมกรในประเทศไทย โดยพิจารณาเห็นชอบให้คนต่างด้าวที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานกรรมกรในประเทศไทยต้องเป็นคนต่างด้าวที่มีสัญชาติของประเทศคู่ภาคีที่รัฐบาลไทยได้ทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) หากปรากฏว่ามีกำลังแรงงานของคนต่างด้าวของประเทศคู่ภาคีไม่เพียงพอต่อความต้องการแล้ว เห็นควรให้มีการพิจารณาจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับประเทศที่เหมาะสมเพิ่มเติม ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน จะนำเรื่องการเปิดศูนย์เพื่อเก็บข้อมูลแรงงานชั่วคราวของทางการเมียนมา ณ จังหวัดสมุทรสาคร และมาตรการในการอนุญาตให้คนต่างด้าวที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานกรรมกรในประเทศไทยเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป

พลเอก ประวิตรฯ กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงทะเลนั้น ขณะนี้มีผลการนำเข้าแรงงานประมงตาม MOU จากประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑) ดังนี้ 1. นายจ้างจำนวน ๑,๒๔๔ ราย ยื่นคำร้องขอนำเข้าแรงงานจำนวน ๑๔,๔๙๖ คน (เมียนมา ๘,๕๑๓ คน ลาว ๔๗๘ คน กัมพูชา ๕,๕๐๕ คน) 2. กระทรวงแรงงานจัดส่งเรื่องไปดำเนินการที่สถานทูต จำนวน ๙,๗๖๘ คน (เมียนมา ๔,๖๔๖ คน ลาว ๓๕๔ คน กัมพูชา ๔,๗๖๘ คน) 3. นายจ้างยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าวจำนวน ๑,๙๓๒ คน (เมียนมา ๘๗ คน ลาว ๖๗ คน กัมพูชา ๑,๗๗๘ คน) ขณะที่การดำเนินมาตรการเร่งด่วนชั่วคราวในการออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง ซึ่งกรมประมงได้เปิดให้นายจ้างแจ้งความต้องการจ้างแรงงาน ตั้งแต่วันที่ ๑๕ – ๒๖ พฤศจิกายน 2561 ณ 22 จังหวัดชายทะเล มีผลการดำเนินการคือ นายจ้างมาแจ้งความต้องการ จำนวน ๗๕๔ ราย แจ้งความต้องการจ้างแรงงาน ๑๖,๓๕๑ คน

ที่มา https://www.doe.go.th

เตือนแรงงานไทย กรมการจัดหางาน ยังไม่เปิดรับสมัครไปทำงานเก็บผลไม้ป่าในสวีเดนและฟินแลนด์

เตือนแรงงานไทย กรมการจัดหางาน ยังไม่เปิดรับสมัครไปทำงานเก็บผลไม้ป่าในสวีเดนและฟินแลนด์

กรมการจัดหางาน ประกาศเตือนแรงงานไทย อย่าหลงเชื่อผู้ชักชวนไปทำงานเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศสวีเดน และฟินแลนด์ ในรอบปี 2562  ย้ำ!! ยังไม่ถึงฤดูกาลเปิดรับสมัคร

นางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายเน้นหนักในการป้องกันและแก้ไขปัญหาแรงงานไทยถูกหลอกลวงและลักลอบไปทำงานต่างประเทศ โดยได้มอบหมายให้กรมการจัดหางานเฝ้าระวัง คุมเข้ม ตรวจสอบและสกัดกั้น เพื่อคุ้มครองคนหางานที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศไม่ให้ถูกหลอกลวงจากสาย/นายหน้าเถื่อน ทั้งยังตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมในการโฆษณาชักชวนคนหางานไปทำงานต่างประเทศ และใช้สายตรวจออนไลน์คอยตรวจสอบ เฝ้าระวังพฤติการณ์ของกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเข้มงวด หากพบการกระทำผิดจะดำเนินคดี และโพสต์ข้อความเตือนชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการไปทำงานต่างประเทศไปยัง Facebook  ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ กรมการจัดหางานตรวจพบว่ามีผู้ชักชวนแรงงานไทยไปทำงานเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศสวีเดน และฟินแลนด์ โดยโพสต์ข้อความชักชวนแรงงานไทยผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย  ดังนั้น กรมการจัดหางานจึงขอแจ้งให้ทราบว่า ฤดูกาลเก็บผลไม้ป่าในประเทศสวีเดน และฟินแลนด์จะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี  จึงอย่าหลงเชื่อผู้ที่ชักชวนไปทำงานเก็บผลไม้ป่าดังกล่าว  และขอแจ้งให้ทราบว่า  การไปทำงานเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศสวีเดนและฟินแลนด์นั้นเป็นงานที่หนักและตรากตรำ เพราะสภาพภูมิประเทศในการเก็บผลไม้ป่าเป็นพื้นที่ลาดชันภูเขา บางครั้งต้องเดินทางเป็นระยะทางไกลในท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด บางครั้งมีปัญหาอากาศแปรปรวน ซึ่งค่าใช้จ่ายก่อนการเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าในประเทศสวีเดนและฟินแลนด์ ประมาณ  60,000-70,000 บาทต่อคน  เช่น ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เป็นต้น โดยกรมการจัดหางาน อยู่ระหว่างการเจรจา หารือกับ ทั้ง 2 ประเทศ เพื่อให้คนไทยได้รับการคุ้มครอง ดูแลมากที่สุด ตลอดจนจำนวนโควตาที่เหมาะสมที่คนไทยจะไปเก็บผลไม้ป่าดังกล่าว จึงขอให้คนหางานศึกษาข้อมูลการทำงานให้ถี่ถ้วนกับกรมการจัดหางานก่อนตัดสินใจเดินทาง

สำหรับการเดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่าในประเทศสวีเดนจะดำเนินการในรูปแบบนายจ้างพาลูกจ้างไปทำงานในต่างประเทศ ขณะที่ฟินแลนด์จะดำเนินการในรูปแบบการแจ้งการเดินทางด้วยตนเอง  โดยจะมีหนังสือเชิญจากบริษัทที่รับซื้อผลไม้ป่าในต่างประเทศเชิญแรงงานไทยไปทำงาน ซึ่งในปี 2561 ที่ผ่านมา กรมการจัดหางานได้รับโควตา เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,400 คน เป็นโควตาในประเทศสวีเดน 4,900 คน และฟินแลนด์ จำนวน 2,500 คน กรมการจัดหางานสามารถจัดส่งแรงงานไทยไปเก็บผลไม้ป่า รวมทั้งสิ้นจำนวน  7,397 คน จำแนกเป็นจัดส่งไปเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศสวีเดน จำนวน 4,903  คน และประเทศฟินแลนด์ จำนวน 2,494  คน หากคนหางานใดประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศ ขอให้ติดต่อสอบถามได้ที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ  กรมการจัดหางาน

หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือโทร.สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน  อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

เตือนแรงงานไทย กรมการจัดหางาน ยังไม่เปิดรับสมัครไปทำงานเก็บผลไม้ป่าในสวีเดนและฟินแลนด์

เตือน คนหางาน ระวังถูกหลอกไปทำงานภาคเกษตรที่ แคนาดา

เตือน คนหางาน ระวังถูกหลอกไปทำงานภาคเกษตรที่ แคนาดา กรมการจัดหางาน ประกาศเตือนคนหางานอย่าหลงเชื่อเฟสบุ๊คชักชวนให้ไปทำงานภาคเกษตรที่แคนาดา เนื่องจากแคนาดาไม่รับแรงงานต่างชาติประเภทไร้ทักษะเข้าทำงานแล้ว ย้ำระวังถูกหลอกเสียเงินฟรี และอาจต้องเสี่ยงภัยในต่างแดน

นางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน แจ้งว่า กรมการจัดหางานได้ตรวจพบเฟสบุ๊ครายหนึ่งที่อ้างว่าอยู่ในเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ซึ่งได้โพสต์ข้อความชักชวนคนงานไทยที่มีประสบการณ์ด้านการทำงานในภาคเกษตรและกำลังทำงานอยู่ในประเทศอิสราเอลให้ไปทำงานแบบถาวรกับบริษัทที่มีชื่อเสียงรายหนึ่งในประเทศแคนาดา โดยระบุให้ผู้สนใจกรอกแบบฟอร์มการประเมินผู้สมัครงานจากลิงค์ที่อยู่ด้านล่างของเฟสบุ๊คดังกล่าว จากนั้นให้คนงานรอการติดต่อกลับจากตัวแทน หรือให้โทรสอบถาม ซึ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 050 ซึ่งน่าจะเป็นเบอร์โทรที่ใช้ในต่างประเทศ  ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าปัจจุบันประเทศแคนาดาไม่อนุญาตให้คนงานต่างชาติประเภทไร้ทักษะเข้าไปทำงานในประเทศแคนาดามานานแล้ว  ทั้งยังยกเลิกการออกวีซ่าให้แก่คนงานต่างชาติที่จะเข้าไปทำงานภาคเกษตร ยกเว้นคนงานต่างชาติที่ทำงานเก็บหนอนในฟาร์มเกษตรในประเทศแคนาดาอยู่ในปัจจุบัน  ดังนั้น การที่มีผู้กล่าวอ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้เข้าไปทำงานภาคเกษตรแบบถาวรได้ จึงไม่น่าจะเป็นความจริงแต่อย่างใด

นางเพชรรัตน์ฯ กล่าวย้ำเตือนคนหางานและแรงงานไทยในอิสราเอล ว่า อย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้างหลอกว่าสามารถช่วยให้ไปทำงานประเภทไร้ทักษะในประเทศแคนาดาได้  เพราะอาจต้องสูญเสียทรัพย์สินและตกระกำลำบากอยู่ในต่างแดน อย่างไรก็ตาม หากประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศ ขอให้คิดอย่างรอบคอบ คำนึงถึงความคุ้มค่า และต้องไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย โดยตรวจสอบข้อมูลของบริษัทก่อนตัดสินใจสมัครงาน  สอบถามข้อมูลหรือแจ้งเรื่องร้องทุกข์การหลอกลวงคนหางานได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน โทร. 0 2245 6763 หรือโทรสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

ขอบคุณข้อมูลจาก :https://www.doe.go.th/

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า